วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

qr-code นุสรา พยอมหอม

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

Turning into the wind: COVID-19 as a catalyst for creativity in higher education

Turning into the wind: COVID-19 as a catalyst for creativity in higher education Abstract In this short essay, the author addresses challenges facing higher education in the COVID-19 era and how creativity may serve to transform its future. กลายเป็นลม: COVID-19 เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสําหรับความคิดสร้างสรรค์ในระดับอุดมศึกษา บทคัดย่อ ในเรียงความสั้น ๆ นี้ผู้เขียนกล่าวถึงความท้าทายที่เผชิญกับการศึกษาระดับอุดมศึกษาในยุค COVID-19 และความคิดสร้างสรรค์อาจทําหน้าที่เปลี่ยนอนาคตได้อย่างไร Michele M. Welkener University of Dayton, Dayton, Ohio, U.S.A. Volume 6, Issue 1 (2021), pp. 156-162 International Journal of Multidisciplinary Perspectives in Higher Education ISSN: 2474-2546 Print/ ISSN: 2474-2554 Online https://ojed.org/jimphe

The Problems Faced by Teachers in Turkey During the COVID-19 Pandemic and Their Opinions

The Problems Faced by Teachers in Turkey During the COVID-19 Pandemic and Their Opinions Abstract The aim of this research is to reveal the problems faced by teachers in the education period during COVID-19 pandemic and to discuss their opinions regarding the process. As one of the qualitative research methods, the phenomenology pattern was used in the research. The study group consists of 80 teachers selected by using purposeful criterion sampling technique who work at public and private schools in different provinces of Turkey in 2019-2020 academic year. Within the context of the results of this study, it is observed that EBA TV/education portal plays an important role in meeting the educational needs of students and ensuring the continuity of education in COVID-19 pandemic process. Considering the themes and opinions that stand out in the context of teachers’ opinions, EBA TV/education portal is considered positive while there are problems with content, presentation and connection. According to the findings, the most common problems faced by the teachers during COVID-19 pandemic are students’ technical and hardware problems related to the internet connection, the inability of students to maintain their motivation to learn, the inability of parents to create a learning environment, and the lack of their support at home for their children. The majority of teachers have the opinion that the psychology of the students has been negatively affected during COVID-19 pandemic process, but there are also the students who could adapt to this process. An important finding in this study is that teachers think that their colleagues do not have necessary skills to use technology and they are low in motivation to use distance education technologies. Teachers think that after COVID-19 pandemic, things shall not be the same as before; the importance of school, teachers and face-to-face education shall be recognized again, and blended learning methods shall come to the fore. ปัญหาที่ครูในตุรกีต้องเผชิญในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19 และความคิดเห็นของพวกเขา บทคัดย่อ จุดมุ่งหมายของการวิจัยนี้คือการเปิดเผยปัญหาที่ครูต้องเผชิญในช่วงการศึกษาในช่วงการระบาดของ COVID-19 และเพื่อหารือเกี่ยวกับความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับกระบวนการ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพรูปแบบฟีโนมีนวิทยาถูกนํามาใช้ในการวิจัย กลุ่มการศึกษาประกอบด้วยครู 80 คนที่ได้รับการคัดเลือกโดยใช้เทคนิคการสุ่มตัวอย่างเกณฑ์ที่มีวัตถุประสงค์ซึ่งทํางานในโรงเรียนของรัฐและเอกชนในจังหวัดต่าง ๆ ของตุรกีในปีการศึกษา 2019-2020 ภายในบริบทของผลการศึกษานี้พบว่า EBA TV / พอร์ทัลการศึกษามีบทบาทสําคัญในการตอบสนองความต้องการด้านการศึกษาของนักเรียนและสร้างความมั่นใจในความต่อเนื่องของการศึกษาในกระบวนการระบาดของ COVID-19 เมื่อพิจารณาถึงธีมและความคิดเห็นที่โดดเด่นในบริบทของความคิดเห็นของครู EBA TV / พอร์ทัลการศึกษาถือเป็นบวกในขณะที่มีปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหาการนําเสนอและการเชื่อมต่อ ... Tufan Aytaç i Kırşehir Ahi Evran University International Journal of Progressive Education, Volume 17 Number 1, 2021

Education during Covid19: Islamic perspectives on ethics for new media users for teachers and students

Education during Covid19: Islamic perspectives on ethics for new media users for teachers and students Abstract With the current situation of Covid19 outbreaks and the execution of lockdowns and social restrictions and distancing, people are turning to the use of smart technologies to communicate and perform daily activities. In fact, current education scenario during Covid19 has increased the need to use new media in the teaching and learning processes. In order to be a good user of the new media technology, Muslims must advocate to the principles of upholding knowledge and guidance from truthful sources of knowledge such as the Quran and Hadith to avoid becoming deviant users of the new media. The main objective of this paper is to present the Islamic perspectives in terms of the ethics of using the new media in education during covid19. This concept paper analyses data extracted from referencing secondary sources such as academic journal articles, scholarly books and online newspaper articles to understand new media and the current online distance learning situations taking place during the Covid19 phenomena. These guidelines would contribute towards aiding teachers and students to have an increase of knowledge and awareness towards the usage of new media as tools during การศึกษาในช่วง Covid19: มุมมองของอิสลามเกี่ยวกับจริยธรรมสําหรับผู้ใช้สื่อใหม่สําหรับครูและนักเรียน บทคัดย่อ กับสถานการณ์ปัจจุบันของการระบาดของ Covid19 และการดําเนินการตามมาตรการล็อคดาวน์และข้อ จํากัด ทางสังคมและการเว้นระยะห่างผู้คนกําลังหันไปใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อสื่อสารและดําเนินกิจกรรมประจําวัน ในความเป็นจริงสถานการณ์การศึกษาในปัจจุบันในช่วง Covid19 ได้เพิ่มความจําเป็นในการใช้สื่อใหม่ในกระบวนการสอนและการเรียนรู้ เพื่อเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีสื่อใหม่ที่ดีมุสลิมต้องสนับสนุนหลักการของการส่งเสริมความรู้และคําแนะนําจากแหล่งความรู้ที่เป็นจริงเช่นอัลกุรอานและหะดีษเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นผู้ใช้สื่อใหม่ที่เบี่ยงเบน วัตถุประสงค์หลักของเอกสารนี้คือการนําเสนอมุมมองของศาสนาอิสลามในแง่ของจริยธรรมในการใช้สื่อใหม่ในการศึกษาในช่วง covid19 เอกสารแนวคิดนี้วิเคราะห์ข้อมูลที่สกัดจากการอ้างอิงแหล่งข้อมูลรองเช่นบทความวารสารวิชาการหนังสือวิชาการและแผ่นข่าวออนไลน์ Available online at www.jlls.org JOURNAL OF LANGUAGE AND LINGUISTIC STUDIES ISSN: 1305-578X Journal of Language and Linguistic Studies, 17(1), 529-541; 2021

วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

The impact of digital leadership on teachers’ technology integration during the COVID-19 pandemic in Kuwait

When the education system was overwhelmed by the COVID-19 pandemic, school principals had to take on the mantle of digital literacy by ensuring that teachers and learners attained and utilized digital tools and platforms. This study aims to explore the impact of digital leadership among school principals on teachers’ technology integration during the COVID-19 pandemic in Kuwait. This quantitative study used two surveys, the Principal Technology Leadership Assessment, and the Teacher Technology Integration Survey. The sample consisted of 113 school principals and 404 teachers from public elementary schools in Kuwait. The study revealed that digital leadership among school principals had a positive impact on teachers’ technology integration during the COVID-19 pandemic. Discussion and implications for policymakers, school principals, and future research are introduced. Keywords: digital leadership, technology integration, school principals, Kuwait, COVID-19 บทคัดย่อ เมื่อระบบการศึกษาถูกครอบงําจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ครูใหญ่ของโรงเรียนต้องสวมเสื้อคลุมของการรู้หนังสือดิจิทัลโดยมั่นใจว่าครูและผู้เรียนบรรลุและใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มดิจิทัล การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสํารวจผลกระทบของความเป็นผู้นําทางดิจิทัลในหมู่ผู้อํานวยการโรงเรียนที่มีต่อการรวมเทคโนโลยีของครูในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในคูเวต การศึกษาเชิงปริมาณนี้ใช้แบบสํารวจสองฉบับคือการประเมินภาวะผู้นําด้านเทคโนโลยีหลักและการสํารวจการรวมเทคโนโลยีของครู กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยครูใหญ่ของโรงเรียน 113 คนและครู 404 คนจากโรงเรียนประถมศึกษาของรัฐในคูเวต การศึกษาเปิดเผยว่าความเป็นผู้นําทางดิจิทัลในหมู่ผู้อํานวยการโรงเรียนมีผลกระทบเชิงบวกต่อการรวมเทคโนโลยีของครูในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 มีการอภิปรายและผลกรกระทบเชิงบวกต่อการรวมเทคโนโลยีของครูในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 มีการอภิปรายและผลกระทบต่อผู้กําหนดนโยบายครูใหญ่ของโรงเรียนและการวิจัยในอนาคต Munirah Khalid AlAjmi, The impact of digital leadership on teachers’ technology integration during the COVID-19 pandemic in Kuwait, International Journal of Educational Research, 2022,101928,

การกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสกัดกั้นในโรงเรียน

Workshop 4 รายการอ้างอิง สิโรดม มณีแฮดและปรัชญนันท์ นิลสุข. (2562) การกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสกัดกั้นในโรงเรียน. วารสารการสื่อสารมวลชนคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2562 หน้า 46-67 Abstract การกลั่นแกล้งกันบนการสื่อสารสังคม คือ พฤติการณ์ที่ก่อความรังเกียจแก่จิตใจของผู้อื่นหรือความเสียหายผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งออกเป็นการทะเลาะ, ทำลายความสัมพันธ์, กีดกัน, เผยแพร่ข้อมูลเท็จเชิงสบประมาท, ส่งต่อเรื่องลับเฉพาะ, ใช้อุบายหลอก, ข่มขู่, ก่อกวน, คุกคามทางเพศและการเมือง, การแสร้งหรือสวมรอย, สร้างบัญชีใช้งานปลอมและคัดลอกหรือขโมยอัตลักษณ์ โดยสื่อสังคมในโรงเรียน ได้แก่ เฟซบุ๊ก, ยูทูบ, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์, ไลน์, อีเมลและอื่นๆ สำหรับเทคโนโลยีสกัดกั้นการกลั่นแกล้งบนการสื่อสารสังคม คือ การนำซอฟแวร์มาวิเคราะห์เนื้อหาของการสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ในเชิงลบแล้วกักกันอย่างอัตโนมัติไม่ให้ปรากฏต่อสาธารณะ ประกอบด้วยประเภทสืบจับข้อมูลข้อความ, ประเภทสืบจับข้อมูลภาพ, ประเภทสืบจับข้อมูลวิดีโอและประเภทสืบจับข้อมูลเสียง ทั้งนี้ การศึกษาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยสกัดกั้นการกลั่นแกล้งกันบนสื่อสารสังคมของนักเรียนในโรงเรียนทั้งในลักษณะข้อความ, ภาพ, วิดีโอและเสียงนี้ เจาะจงเฉพาะทางสื่อออนไลน์อย่างเป็นทางการของโรงเรียน การกลั่นแกล้งกันบนการสื่อสารสังคม คือ พฤติการณ์ที่ก่อความรังเกียจแก่จิตใจของผู้อื่นหรือความเสียหายผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งออกเป็นการทะเลาะ, ทำลายความสัมพันธ์, กีดกัน, เผยแพร่ข้อมูลเท็จเชิงสบประมาท, ส่งต่อเรื่องลับเฉพาะ, ใช้อุบายหลอก, ข่มขู่, ก่อกวน, คุกคามทางเพศและการเมือง, การแสร้งหรือสวมรอย, สร้างบัญชีใช้งานปลอมและคัดลอกหรือขโมยอัตลักษณ์ โดยสื่อสังคมในโรงเรียน ได้แก่ เฟซบุ๊ก, ยูทูบ, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์, ไลน์, อีเมลและอื่นๆ สำหรับเทคโนโลยีสกัดกั้นการกลั่นแกล้งบนการสื่อสารสังคม คือ การนำซอฟแวร์มาวิเคราะห์เนื้อหาของการสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ในเชิงลบแล้วกักกันอย่างอัตโนมัติไม่ให้ปรากฏต่อสาธารณะ ประกอบด้วยประเภทสืบจับข้อมูลข้อความ, ประเภทสืบจับข้อมูลภาพ, ประเภทสืบจับข้อมูลวิดีโอและประเภทสืบจับข้อมูลเสียง ทั้งนี้ การศึกษาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยสกัดกั้นการกลั่นแกล้งกันบนสื่อสารสังคมของนักเรียนในโรงเรียนทั้งในลักษณะข้อความ, ภาพ, วิดีโอและเสียงนี้ เจาะจงเฉพาะทางสื่อออนไลน์อย่างเป็นทางการของโรงเรียน นอกจากนี้ การจัดการสกัดกั้นที่มีประสิทธิภาพนั้น นักเรียนผู้ใช้สื่อสารสังคมควรมีพื้นฐานการรู้เท่าทันสื่อ ขณะที่ผู้ใหญ่ ครูหรือเจ้าหน้าที่ควรเป็นนักจัดการระบบเทคโนโลยีขั้นปานกลางถึงสูง

การพัฒนาระบบสารสนเทศแบบออนไลน์ฝ่ายพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยธนบุรี

workshop 4 รายการอ้างอิง แสงเดือน แก้วประสมและปรัชญนันท์ นิลสุข. (2552).การพัฒนาระบบสารสนเทศแบบออนไลน์ฝ่ายพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยธนบุรี.บทความวิจัย:การพัฒนาระบบสารสนเทศแบบออนไลน์ฝ่ายพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยธนบุรี.ปีที่ 5 ฉบับที่ 9 มกราคม-ธันวาคม 2552, หน้า 35-41 บทคัดย่อ การศึกษาค้นคว้าในการทําการวิจัยฉบับนีมี้วัตถุประสงค์เเพื่อ การพัฒนาระบบสารสนเทศซึ่ง เป็นการพัฒนาระบบสารสนเทศ แบบออนไลน์ที่ฝ่ายพัฒนานักศึกษาของมหาวิทยาลัยธนบุรี ซึ่งมีประโยชน์ในการนํามาใช้คือ 1) เพื่อวิเคราะห์และออกแบบ ระบบสารสนเทศแบบออนไลน์ฝ่ายพัฒนานักศึกษาของ มหาวิทยาลัยธนบุรี 2) เพื่อ พัฒนาโปรแกรมระบบสารสนเทศ แบบออนไลน์ฝ่ายพัฒนานักศึกษาของมหาวิทยาลัยธนบุรีที่ สามารถจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศให้กับนักศึกษาเจ้าหน้าที่ บุคลากรหรือผู้บริหารได้อย่างงมีประสิทธิภาพ 3) เพื่อศึกษา ความพึงพอใจของผู้ใช้ต่อระบบสารสนเทศแบบออนไลน์ฝ่าย พัฒนานักศึกษาแต่เดิมมหาวิทยาลัยธนบุรีได้นําเทคโนโลยีทาง ด้านคอมพิวเตอร์มาช่วยในการบริหารจัดการด้านต่างๆ ของ มหาวิทยาลัยและมีระบบการดําเนินงานของฝ่ายพัฒนา นักศึกษาซึ่งได้มีการดําเนินงานเกี่ยวกับระบบงาน 6 ระบบคือ 1) ระบบกิจกรรมนักศึกษา 2) ระบบพัฒนานักศึกษาและ สวัสดิการ 3) ระบบกองทุนเพื่อการศึกษา 4)ระบบส่งเสริม ศิลปะและวัฒนธรรม 5)ระบบส่งเสริมการกีฬา 6) ระบบ แนะแนวศึกษาต่อและอาชีพการพัฒนาระบบใหม ให้มี ประสิทธิภาพและมีประโยชนน์ต่อฝ่ายพัฒนานักศึกษาและ มหาวิทยาลัยธนบุรีโดยในการดําเนินงานก็ได้ศึกษาระบบ งานเดิมสอบถามความต้องการของผูู้ใช้ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร ผู้ใช้ทั่วไปทำการวิเคราะห์และออกแบบระบบใหม่ที่นำทฤษฎีด้านต่างๆ มาประยุกต์ร่วมจากนั้นทำการพัฒนาตัวโปรแกรม ในระหว่างการพัฒนาโปรแกรมได้มีการทดสอบ และสอบถามความต้องการของเจ้าหน้าที่เป็นระยะๆ สรุปได้ว่า ผลการประเมินคุณภาพระบบสารสนเทศโดยผู้เชี่ยวชาญระบบ มีคุณภาพในระดับค่อนข้างดีผลการประเมินคุณภาพระบบ สารสนเทศโดยเจ้าหน้าที่ระบบมีคุณภาพในระดับมาก และผล การประเมินโดยผู้ใช้งานทัว่ ไป ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจโดยรวม อยู่ในระดับมาก

การพัฒนาการเรียนการสอนผ่านเว็บสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยมวยไทยศึกษา และการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในโรงเรียนรัตนาธิเบศร์

โรงเรียนระบบการประกันคุณภาพภายในรัตนาธิเบศร์ ชื่อเรื่องทางเลือกการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในโรงเรียนรัตนาธิเบศร์ ผู้สร้างชื่อ: สุนีย์ สอน 5 ดาว เรื่องThaSH: โรงเรียนรัตนาธิเบศร์ - - ที่มีคุณภาพ การจัดประเภท :.DDC: วน658.562 ThaSH: รับประกัน คุณภาพ - - ... คำอธิบายเชิงนามธรรม: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนรัตนาธิเบศร์ และเพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครู เกี่ยวกับสภาพการดำเนินงานประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนรัตนาธิเบศร์ก่อนและหลังการใช้ระบบการประกันคุณภาพภายในโรงเรียนที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือครูโรงเรียนรัตนาธิเบศร์ จำนวน 106 คน เครื่องมือ ที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสัมภาษณ์อย่างมีโครงสร้าง เกี่ยวกับระบบการประกันคุณภาพภายในและแบบสอบถามความคิดเห็นของครู เกี่ยวกับสภาพการดำเนินงานประกันคุณภาพภายใน ระบบการประกันคุณภาพภายในได้รับการตรวจสอบคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิ แบบสอบถามมีความตรงเชิงเนื้อหาและมีความเชื่อมั่น 0.99 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วยค่าเฉลี่ย ของกลุ่มประชากร () และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มประชากร () ผลการวิจัยพบว่า 1. ระบบการประกันคุณภาพภายในโรงเรียนรัตนาธิเบศร์มีองค์ประกอบดังนี้ 1.1 ตัวป้อน ประกอบด้วยผู้เรียน ครู ผู้บริหาร ชุมชน และมาตรฐานการศึกษา ขั้นพื้นฐาน 1.2 กระบวนการ ประกอบด้วย การเตรียมการ การดำเนินงานและการรายงาน 1.3 ผลผลิตประกอบด้วย คุณภาพผู้เรียน คุณภาพด้านการเรียนการสอน คุณภาพด้านการบริหารและการจัดการศึกษา การพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ 2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับสภาพการดำเนินงานประกันคุณภาพ การศึกษาก่อนและหลังการใช้ระบบการประกันคุณภาพภายใน พบว่าแตกต่างกันโดยสภาพการ ดำเนินงานการประกันคุณภาพหลังการใช้ระบบประกันคุณภาพภายในมีการดำเนินงานที่ดีกว่า ก่อนใช้ระบบ เชิงนามธรรม: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในโรงเรียนรัตนาธิเบศร์และเพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับการจัดการประกันคุณภาพภายในก่อนและหลังการใช้ระบบประกันคุณภาพภายใน ประชากรที่ใช้ในการศึกษานี้คือครูจากโรงเรียนรัตนาธิเบศร์ 106 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างเกี่ยวกับระบบประกันคุณภาพภายในและแบบสอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของครูต่อการจัดการการประกันคุณภาพภายใน ระบบประกันคุณภาพภายในได้รับการอนุมัติจากผู้เชี่ยวชาญ แบบสอบถามได้รับการอนุมัติ ความถูกต้องของเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญ และความน่าเชื่อถือ ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาเท่ากับ 0.99 วิเคราะห์ข้อมูลโดยค่าเฉลี่ยประชากร () และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานประชากร () ผลการศึกษาพบว่า 1. ระบบประกันคุณภาพภายในโรงเรียนรัตนาธิเบศร์ประกอบด้วยองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้ 1.1 ปัจจัยนำเข้า ได้แก่ นักเรียน ครู ผู้บริหาร ชุมชน และมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน 1.2 กระบวนการประกอบด้วยการจัดเตรียม การจัดการ และการรายงาน 1.3 ผลลัพธ์ประกอบด้วย คุณภาพของนักศึกษา คุณภาพการสอน คุณภาพการจัดการศึกษา และการพัฒนาการเรียนรู้ของชุมชน 2. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูก่อนและหลังการใช้ระบบประกันคุณภาพภายในแตกต่างกัน ผลการวิจัยพบว่า หลังจากใช้ระบบประกันคุณภาพภายในแล้ว สถานการณ์การบริหารงานประกันดีขึ้น ชุมชนและมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน 1.2 กระบวนการประกอบด้วยการจัดเตรียม การจัดการ และการรายงาน 1.3 ผลลัพธ์ประกอบด้วย คุณภาพของนักศึกษา คุณภาพการสอน คุณภาพการจัดการศึกษา และการพัฒนาการเรียนรู้ของชุมชน 2. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูก่อนและหลังการใช้ระบบประกันคุณภาพภายในแตกต่างกัน ผลการวิจัยพบว่า หลังจากใช้ระบบประกันคุณภาพภายในแล้ว สถานการณ์การบริหารงานประกันดีขึ้น ชุมชนและมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน 1.2 กระบวนการประกอบด้วยการจัดเตรียม การจัดการ และการรายงาน 1.3 ผลลัพธ์ประกอบด้วย คุณภาพของนักศึกษา คุณภาพการสอน คุณภาพการจัดการศึกษา และการพัฒนาการเรียนรู้ของชุมชน 2. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูก่อนและหลังการใช้ระบบประกันคุณภาพภายในแตกต่างกัน ผลการวิจัยพบว่า หลังจากใช้ระบบประกันคุณภาพภายในแล้ว สถานการณ์การบริหารงานประกันดีขึ้น การเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูก่อนและหลังการใช้ระบบประกันคุณภาพภายในแตกต่างกัน ผลการวิจัยพบว่า หลังจากใช้ระบบประกันคุณภาพภายในแล้ว สถานการณ์การบริหารงานประกันดีขึ้น การเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูก่อนและหลังการใช้ระบบประกันคุณภาพภายในแตกต่างกัน ผลการวิจัยพบว่า หลังจากใช้ระบบประกันคุณภาพภายในแล้ว สถานการณ์การบริหารงานประกันดีขึ้น สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ที่อยู่: BANGKOK อีเมล์: krisada13@gmail.com ผู้ร่วมให้ข้อมูลชื่อ: รศ.ด.อินทร์ ศรีคุณ บทบาท: อาจารย์ที่ปรึกษา วันที่สร้างเมื่อ: 2550-10-11 แก้ไขแล้ว: 2552-11-15 ออกเมื่อ: 2551-09-09 พิมพ์วิทยานิพนธ์/วิทยานิพนธ์ รูปแบบใบสมัคร/pdf แหล่งที่มาหมายเลขโทรศัพท์: วน658.562 ส821ก ภาษาท่า วิทยานิพนธ์DegreeName: ปร ระดับ: อาจารย์ สาขา วิชา: ผู้ให้สิทธิ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม สิทธิ©ลิขสิทธิ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม สิทธิ์การเข้าถึง:

การพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต วิชาชลบุรีท้องถิ่นของเรา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ชื่อวิทยานิพนธ์ การพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต วิชาชลบุรีท้องถิ่นของเรา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 THE DEVELOPMENT OF A LESSON ON INTERNET IN OUR CHONBURI COMMUNITY SUBJECT FOR GRADE 7 STUDENTS. ชื่อนิสิต นภาพร เจียรพัฒนาวงศ์ Not Available ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา นัญฑา ผลิตวานนท์, Ph.D.ประสงค์ ปราณีตพลกรัง, Ph.D.ชิดชนก เหลือสินทรัพย์, Ph.D. ชื่อสถาบัน มหาวิทยาลัยบูรพา. บัณฑิตวิทยาลัย Burapha University. Chonburi (Thailand). Graduate School. ระดับปริญญาและรายละเอียดสาขาวิชา วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต. การศึกษา (เทคโนโลยีทางการศึกษา) Not Available ปีที่จบการศึกษา 2546 บทคัดย่อ(ไทย) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต วิชาชลบุรีท้องถิ่นของเรา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) เพื่อประเมินความคิดเห็นของผู้เรียนเกี่ยวกับบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต วิชาชลบุรีท้องถิ่นของเรา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนปรีชานุศาสน์ จำนวน 35 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. ได้บทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต วิชาชลบุรีท้องถิ่นของเรา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งเป็นลักษณะกึ่งข้อความออนไลน์และกึ่ง Low Cost Interactive Online Course เน้นเนื้อหาและข้อความเป็นหลัก มีภาพและเสียงประกอบ แต่ยังไม่เน้นในเรื่องของระบบบริหารจัดการรายวิชา(CMS) เท่าที่ควร เป็นลักษณะของสื่อเสริมที่ผู้เรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง นอกเหนือไปจากการเรียนการสอนในห้องเรียนปกติ โดยผู้เรียนสามารถเรียนได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่เป็นการตอบสนองความต้องการของผู้เรียนแต่ละบุคคล 2. จากการประเมินความคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตวิชาชลบุรีท้องถิ่นของเรา สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า อยู่ในระดับดี เฉลี่ยเป็น 4.42 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็น 0.12 บทคัดย่อ(English) Not Available ภาษาที่ใช้เขียนวิทยานิพนธ์ จำนวนหน้าของวิทยานิพนธ์ 98 P. ISBN 974-382-013-2 สถานที่จัดเก็บวิทยานิพนธ์ คำสำคัญ บทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต, ชลบุรี, ท้องถิ่นของเรา

กระบวนการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาที่ได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1

กระบวนการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาที่ได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1 Title AlternativeThe Development process of internal quality assurance system of schools in the educational area 1 of Phitsanulok which have been externally audited CreatorName: บุญลือ มูลสวัสดิ์ Subjectkeyword: ประกันคุณภาพการศึกษา ThaSH: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1 Classification :.DDC: 371.2 ThaSH: ประกันคุณภาพการศึกษา DescriptionAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาที่ได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศ฿กษาพิษณุโลก เขต 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน ผู้ช่วยผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอนในโรงเรียนประถมศึกษาจำนวน 6 แห่ง ซึ่งได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์ การศ฿กษาเอกสารและการสังเกตพฤติกรรมการเรียนและการสอนแนะนำเสนอข้อมูลในลักษณะของการบรรยายตามขอบเขตของการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า 1. โรงเรียนจัดระบบการบริหารภายในสถานศึกษา มีโครงสร้างการบริหารงานชัดเจน กำหนดบทบาทหน้าที่รับผิดชอบและกำกับ นิเทศ ติดตามประเมินผล จัดระบบสารสนเทศและมีข้อมูลอย่างเพียงพอในการดำเนินงาน 2. โรงเรียนกำหนดมาตรฐานการศึกษา มีขั้นตอนที่ชัดเจนสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครอบคลุมสาระการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนสถานศึกษาและท้องถิ่น โดยชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม 3. โรงเรียนจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาระดับสถานศึกษา สภาพความต้องการของโรงเรียนและท้องถิ่นที่มุ่งเน้นคุณภาพนักเรียนเกิดจากการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4. โรงเรียนดำเนินโครงการ/กิจกรรมตามแผนปฏิบัติการประจำปี ทุกกิจกรรมมีการควบคุมกำกับ ติดตามและนิเทศให้การดำเนินงานบรรลุตามแผนปฏิบัติการประจำปี 5. โรงเรียนวางแผนการตรวจสอบทบทวนคุณภาพการศึกษาโดยกำหนดผู้รับผิดชอบและให้บุคลากรกรทุกฝ่ายมีส่วนร่วมและใช้วิธีที่หลากหลายครอบคลุมมาตรฐานการศึกษาระดับสถานศึกษา การบริหารจัดการ การจัดการการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ และดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง นำผลการตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศ฿กาษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 6. โรงเรียนประเมินคุณภาพการศึกษาครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอ่าน การเขียน การคิดวิเคราะห์ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้วยเครื่องมือที่หลากหลายและดำเนินตามมาตรฐานการศึกษาระดับสถานศึกษา 7. โรงเรียนจัดทำรายงานคุณภาพการศึกษาประจำปีเสนอต่หน่วยงานต้นสังกัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน ครอบคลุมมาตรฐานการศึกษา การบริหารจัดการการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ จุดเด่น / ด้อย แนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยมีผู้รับผิดชอบชัดเจนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม 8. โรงเรียนปรับปรุง พัฒนา และรักษาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาให้มี ประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ปัญหาการดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาได้แก่ ปัญหาด้านบุคลากรซึ่งขาดทักษะและเทคนิคในการวัดผลและประเมินผล ขาดทักษะด้านการวางแผน ครูส่วนใหญ่ยังไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสอนยังคงใช้วิธีการสอนแบบเดิม วัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอนมีน้อยและเก่าไม่เพียงพอกับความต้องการ การดำเนินงานตามแผนไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด Publisherมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ. Address: พิษณุโลก Email: lib_pibul@live.psru.ac.th ContributorName: สว่าง ภู่พัฒน์วิบูลย์ Role: ประธานคณะกรรมการบัณฑิตศึกษา Name: สุรชัย ขวัญเมือง Role: ประธานกรรมการ Name: บุญรักษ์ ตัณฑ์เจริญรัตน์ Role: กรรมการ Name: สุพจน์ พฤกษะวัน Role: กรรมการ Name: สมพล ตันติสันติสม Role: ผู้ทรงคุณวุฒิ DateCreated: 2546-10-03 Issued: 2548-09-27 Modified: 2549-05-07 Typeวิทยานิพนธ์/Thesis Formatapplication/pdf SourceCallNumber: ป371.2บ437ก Languagetha CoverageSpatial: พิษณุโลก Spatial: ไทย (ภาคเหนือ) ThesisDegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต Level: ปริญญาโท Descipline: การบริหารการศึกษา Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม Rights©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม RightsAccess:

ระบบประกันคุณภาพ

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบประกันคุณภาพการศึกษาของสถาบันราชภัฏนครปฐม CreatorName: ฉวีวรรณ บุญคุ้ม SubjectThaSH: ประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา. Classification :.DDC: 378.107 ThaSH: มาตรฐานการทำงาน. ThaSH: ประกันคุณภาพการศึกษา DescriptionAbstract: การวิจัยเรื่องปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบประกันคุณภาพการศึกษาของสถาบันราชภัฏนครปฐม มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบประกันคุณภาพการศึกษา 2) เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษา และ 3) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและแนวทางในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาของสถาบันราชภัฏนครปฐม ทำการศึกษาโดยใช้เทคนิค triangulation ด้วยวิธีการศึกษาหลายวิธี (multi-methods) การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้วิธีการสอบถาม สัมภาษณ์ และการศึกษาจากเอกสาร โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากอาจารย์และผู้บริหารของสถาบันราชภัฏนครปฐมที่ปฏิบัติราชการอยู่ในปีการศึกษา 2542 ผู้บริหารซึ่งเป็นตัวแทนในคณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษาของสถาบันราชภัฏนครปฐม ผู้บริหารและผู้รับผิดชอบงานประกันคุณภาพการศึกษาของสถาบันราชภัฏนครปฐม และจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ แบบสอบถาม แบบบันทึกการสัมภาษณ์ และแบบสัมภาษณ์ ผลจากการศึกษาพบว่า สภาพการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาของสถาบันอยู่ในขั้นตอนของการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพ โดยสถาบันราชภัฏนครปฐมได้จัดทำคู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาของสถาบันขึ้น มีการแต่งตั้งคณะกรรมการและอนุกรรมการการประกันคุณภาพการศึกษาขึ้นในระดับสถาบัน ระดับคณะ ศูนย์ สำนัก พร้อมทั้งกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการและอนุกรรมการดังกล่าว สำหรับการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานในสถาบันให้หน่วยงานกำหนดแนวทางในการประกันคุณภาพการศึกษาของตนเอง มีการพิจารณากำหนดปัจจัยตัวชี้วัดและหลักฐานแสดงให้มีความเหมาะสมทั้งกับหน่วยงาน มีการสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษาให้กับอาจารย์และบุคลากรของหน่วยงาน รวมทั้งการเตรียมการติดตาม ตรวจสอบ และรายงานผลการประกันคุณภาพการศึกษาของหน่วยงานของตนเอง ผลการดำเนินการในปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพที่กำหนดไว้ทั้ง 13 ปัจจัย พบว่าสถาบันได้มีการดำเนินการตามปัจจัยดังกล่าวแล้วทั้ง 13 ปัจจัย โดยปัจจัยที่ 1 (ปรัชญา พันธกิจและวัตถุประสงค์) มีผลการดำเนินงานทุกเรื่องอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ ปัจจัยที่ 2 (หลักสูตร) ปัจจัยที่ 3 (อาจารย์) ปัจจัยที่ 5 (การจัดการเรียนการสอน) และปัจจัยที่ 9 (การเงินและงบประมาณ) มีผลการดำเนินงานทุกเรื่องส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่พอใช้ได้ ปัจจัยที่ 12 (การวิจัย) มีผลการดำเนินงานอยู่ทั้งในระดับที่พอใช้ได้และต้องปรับปรุงแก้ไข ปัจจัยที่ 6 (กิจการนักศึกษา) ปัจจัยที่ 8 (การบริหารและการจัดการ) ปัจจัยที่ 10 (บุคลากรสนันสนุน) และปัจจัยที่ 11 (อาคารสถานที่และสภาพแวดล้อม) มีผลการดำเนินงานส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ปัจจัยที่ 4 (นักศึกษา) ปัจจัยที่ 7 (แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้) และปัจจัยที่ 13 (การติดตมและรายงาน) มีผลการดำเนินงานทั้งหมดอยู่ในระดับที่ต้องปรับปรุงแก้ไข สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบประกันคุณภาพการศึกษาของสถาบันได้แก่ ปัจจัยหลัก 13 ปัจจัย โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบประกันคุณภาพมากที่สุด คือ อาจารย์ รองลงมาคือการจัดการเรียนการสอน และการบริหารจัดการของสถาบัน อุปสรรคที่สำคัญในการประกันคุณภาพการศึกษาของสถาบัน ได้แก่ การขาดแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการประกันคุณภาพการศึกษา ความไม่ชัดเจนในเรื่องนโยบายและระบบประกันคุณภาพการศึกษา คุณภาพของนักศึกษาต่ำกว่าสถาบันอุดมศึกษา อาจารย์และบุคลากรของสถาบันยังไม่เห็นความสำคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา และไม่ให้ความร่วมมือในการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาเท่าที่ควร สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาการประกันคุณภาพการศึกษา ได้แก่ สถาบันต้องให้ความสำคัญกับการประกันคุณภาพการศึกษาโดยถือเป็นนโยบายสำคัญ สถาบันต้องมีแผนและขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนและครอบคลุมภารกิจของสถาบันทุกด้าน มีการติดตามงานอย่างจริงจัง รวมทั้งบุคลากรจากทุกหน่วยงานต้องให้ความร่วมมือ โดยสถาบันต้องสร้างแรงจูงใจให้อาจารย์และบุคลากรของสถาบันเห็นความสำคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา มีการประชาสัมพันธ์ให้อาจารย์และบุคลากรของสถาบันได้รับทราบเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง มีการให้ความรู้และคำแนะนำในการทำงานอย่างเป็นขั้นตอนอย่างเพียงพอจากผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษา PublisherNakhon Pathom Rajabhat University, Academic Resources and Information Technology Center Address: NAKHONPATHOM Email: libnpru55@gmail.com DateCreated: 2551-09-19 Modified: 2551-10-28 Issued: 2551-09-19 Typeงานวิจัย/Research report Formattext/html SourceCallNumber: 378.107 ฉ179ป Languagetha CoverageSpatial: นครปฐม ThesisGrantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม Rights©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม